วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ออริกาโน ประโยชน์ที่ควรรู้

คนที่ชอบรับประทานพิซซ่าส่วนใหญ่จะรู้ว่า ใบ ของ “ออริกาโน่” ซึ่งมีกลิ่นหอมและเป็นส่วนประกอบใช้โรยหน้าแผ่นพิซซ่า ทำให้มีกลิ่นหอมชวนรับประทานยิ่งขึ้น และจะเป็นของคู่กันได้อย่างเหมาะเจาะลงตัวพอดี ซึ่งถ้าหากพิซซ่าขาดการโรยหน้าด้วยใบของ “ออริกาโน่” แล้วจะจืดชืด รับประทานไม่อร่อย ทำให้ไม่ใช่พิซซ่าเต็มร้อยนั่นเอง
หลายคน แม้รู้ว่าใบของ “ออริกาโน่” โรยหน้าพิซซ่าแล้วทำให้มีกลิ่นหอมกินอร่อย แต่เชื่อได้เลยว่าน้อยคนนักจะเคยพบเห็นต้นจริงว่าเป็นแบบไหน และเมื่อไม่นานมานี้พบว่ามีผู้นำเอาต้น “ออริกาโน่” ออกมาวางขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ เป็นสายพันธุ์ที่นำเข้าจากประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่ง “ออริกาโน่” พันธุ์นี้จะมีใบด่างและมีดอกเป็นช่อยาวคล้ายช่อดอกราชาวดี สามารถปลูกเป็นไม้ประดับได้ จึงรีบแนะนำให้รู้จักทันที
ออริกาโน่ เป็นไม้ล้มลุกอายุ 2-3 ปี พวกเดียวกับหูเสือของไทย มีเขตการกระจายพันธุ์ไปทั่วโลก มีลักษณะแตกต่างกันไป แต่ทุกพันธุ์จะมีเหมือนกันคือใบมีกลิ่นหอมเป็นมิ้นท์ตัวหนึ่ง อยู่ในวงศ์ LABIATAE ลำต้นกลม อวบน้ำใสๆ สีเขียวอ่อน ต้นสูงประมาณ 20-40 ซม. แตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มเยอะ ลำต้นและกิ่งก้านเปราะ หรือหักง่าย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงกันข้าม ก้านใบยาว ใบเป็นรูปกลมรี หรือรูปพัดจีน ปลายใบมนหรือแหลมเล็กน้อย โคนใบตัดชัดเจน เนื้อใบหนา มีขนละเอียดทั่ว ใบอวบน้ำเช่นเดียวกับลำต้น ใบมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นใบหูเสือของไทย แต่กลิ่นจะหอมนุ่มนวลและแรงกว่า ใช้มือจับหรือลูบเบาๆ เอามือขึ้นดมจะได้กลิ่นติดมือชื่นใจมาก ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย ผิวใบเป็นสีเขียว มีขลิบสีขาวรอบตามขอบใบ ทำให้เวลามีใบดกๆ ดูสวยงามแปลกตามาก
ประโยชน์ของใบ “ออริกาโน่” นิยมเด็ดหั่นเป็นฝอยๆ แล้วตากแห้งสนิท ไม่ต้องอบเพราะจะทำให้กลิ่นหอมจางหายไปเยอะ จากนั้นนำไปป่นหยาบๆ ใช้ โรยหน้าพิซซ่า คลุกหมักเนื้อและปลาดับกลิ่นคาว ทำให้มีกลิ่นหอมรับประทานได้ อร่อยมาก เหมือนกับใบของ “โรสแมรี่”
ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ช่อยาวคล้ายช่อดอกราชาวดี แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก ดอกมีขนาดเล็ก เป็นสีขาว เวลามีดอกจะดูสวยงามน่ารักมาก ดอกออกได้ตลอดหรือเกือบทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยวิธีปักชำต้น ปัจจุบันมีขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 2 แผง “ป้าแอ๊ด” ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในดินทั่วไป เป็นไม้ชอบแดด ไม่ชอบน้ำท่วมขัง เหมาะจะปลูกเป็นพืชครัวใช้ประโยชน์ในบ้าน หรือ ปลูกเป็นไม้ประดับ เวลามีใบดกและมีดอกเป็นช่อยาวๆ จะสวยงามน่าชมยิ่งครับ.

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

น้ำเบอร์รี่ VS ผลเบอร์รี่

เบอร์รี่มีหลายประเภทนะ ทั้งสตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ ราพส์เบอร์รี่ ฯลฯ
เค้าว่ากันว่าผลไม้ประเภทเบอร์รี่ จะให้ประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก

การเริ่มบริโภคผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเบอร์รี่นี้
เป็นที่แพร่หลายอย่างมากในธิเบต มองโกเลีย จีน และรัสเซีย
เพราะเชื่อกันว่าจะดีต่อสุขภาพ
ทั้งผลและน้ำเบอร์รี่ที่นำมาคั้นกินกันสดๆ

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยพบว่า การสกัดน้ำเบอร์รี่นั้น
บางทีถ้าทำผิดวิธี สารอาหารก็หายไปได้เหมือนกัน
อาจจะเป็นเพราะเทคนิคทางการค้า
จึงทำให้ผู้ผลิตพยายามผลิตน้ำเบอร์รี่ให้ได้เร็วที่สุด
และวิธีการผลิตนี้เอง จะทำให้สารอาหารในเบอร์รี่ลดน้อยลง
จนบางครั้งถึงกับไม่มีเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้น นักวิจัยจึงลงความเห็นว่า ถ้าอยากจะได้สารอาหารที่ครบถ้วน
ก็ไม่ควรดื่มแค่น้ำเบอร์รี่
แต่ให้กินเบอร์รี่แบบเป็นผลๆ จะได้มากกว่า
ส่วนประโยชน์ของเบอร์รี่ก็คือต้านมะเร็ง แก้โรคหัวใจ ลดลดคอเลสเตอรอล
และช่วยให้ระบบการหมุนเวียนเลือดดีขึ้นด้วย

เอาเป็นว่า ถ้าอยากได้ประโยชน์ครบๆ ก็กินแบบเป็นผลไม้ละกัน
แต่ถ้าอยากดื่มอร่อยๆ ก็ดื่มน้ำเบอร์รี่เนอะ

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประโยชน์น้ำมันเมล็ดลินิน Flaxseed Oil

Flaxseed oil ได้มาจากเมล็ดของต้นปอป่าน ซึ่งเต็มไปด้วยกรดแอลฟา-ไลโนลีนิก หรือเอแอลเอ (alpha-linolenic acid (ALA)) ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่จัดอยู่ในกลุ่มกรดไขมันโอเมก้า-3 โดยเอแอลเอจะพบมากใน flaxseed oil และน้ำมันที่ได้จากพืชชนิดต่างๆ ในสภาวะปกติจะมีสมดุลที่เหมาะสมระหว่างโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ในอาหาร เนื่องจากทั้งสองสารจะทำงานไปด้วยกันเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ปกติ โดยกรดไขมันโอเมก้า-3 จะมีหน้าที่หนักคือช่วยลดอาการอักเสบ และกรดไขมันโอเมก้า-6 จะทำให้เกิดการอักเสบ หากมีความไม่สมดุลระหว่างกรดไขมันจำเป็นทั้ง 2 ชนิด จะทำให้เกิดโรคต่างๆ ขึ้นมา นอกจากนี้กรดไขมันโอเมก้า-3 ยังสามารถยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ช่วยขยายหลอดเลือด และ ลดการทำลายเซลล์จากการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ จึงมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย โดยเฉพาะต่อระบบเลือด เช่น ลดการเกิดโรคหัวใจกำเริบ ลดการอุดตันในหลอดเลือด ลดความดันโลหิต ลดการเกิดข้ออักเสบ หอบหืด ภูมิแพ้ได้ และ flaxseed ยังอุดมไปด้วยสารที่มีชื่อว่า ลิกแนน (lignans) ซึ่งมีมากกว่าพืชชนิดอื่นถึง 75 เท่า โดยลิกแนนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย เช่น คุณสมบัติในการต้านมะเร็ง โดยได้มีการทดสอบในสัตว์ทดลองที่เป็นเนื้องอกในเต้านม ซึ่งกิน flaxseed พบว่าภายใน 7 สัปดาห์ เนื้องอกได้ฝ่อลงสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งของ flaxseed คือ อุดมไปด้วยกากใยอาหาร (fiber) ซึ่งช่วยขจัดสารพิษต่างๆ ที่อยู่ภายในลำไส้ และทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ซึ่งส่วนที่เป็นกากใยอาหารนี้ จะพบในเมล็ด flaxseed แต่ไม่พบใน flaxseed oil ชนิดแคปซูลที่ขายเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงและปฏิกิริยากับยาได้หลายชนิด ดังนั้นการตัดสินใจเลือกใช้ ควรได้รับข้อมูลจากบุคลากรทางการแพทย์ที่พิจารณาร่วมกับโรคประจำตัวที่ผู้ป่วยเป็น และยา สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นที่ผู้ป่วยใช้อยู่เป็นประจำด้วย